จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระเครื่องจังหวัดพัทลุง |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | ดีมาก (95-99 %) |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
หลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดควนสามโพธิ์ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของจังหวัดพัทลุง ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบสายวิชามาจากสำนักเขาอ้อ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดวิชาไสยศาสตร์ของปักษ์ใต้โดยตรง ได้ศึกษาตำรับวิชาจากพระเกจิอาจารย์ที่มีความชำชองในคาถามาอาคมล้ำลึกนามกระเดื่อง คือ พระอาจารย์ทอง วัดเขาอ้อ และ หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ หลวงพ่อทุ่มได้บรรพชาสามเณรขณะอายุได้ 16 ปีและญัตติเป็นภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2469 ณ วัดพัทสีมาวัดท่าสำเภาเหนือ โดยมีพระอาจารย์ทอง วัดอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ดิษฐ์ (หลวงพ่อดิษฐ์) วัดปากสระ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อบวชแล้วท่านอยู่ประจำพรรษาที่วัดปากสระกับหลวงพ่อดิษฐ์และเดินทางไปร่ำเรียนวิชาจากพระอาจารย์ทอง วัดเขาอ้อ ใน ปี 2469 หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ คิดสร้างอุโบสถจึงให้พระทุ่มไปตัดไม้ที่ควนนาทาบ ป่าห้าม ควนนาโหนด ระหว่างที่ตัดอยู่นั้นได้มีชาวบ้านควนสามโพธิ์ มาบอกท่านว่าที่ดินริมควนนาทาบเป็นที่ดินวัดเก่าไม่มีพระและเป็นวัดที่รกร้างมานานสมควรจะบุกเบิกแผ้วถางให้พระจำพรรษา แต่พระทุ่มก็มิได้ปริปากพูดอะไร ครั้น พ.ศ. 2471 นายจอน ทองเอม ชาวควนสามโพธิ์ได้ชักชวนชาวบ้านไปที่วัดปากสระ เพื่อจะขอพระไปประจำพรรษาสักรูป หลวงพ่อดิษฐ์ตอบว่าที่นี่มีพระอยู่ 2 รูป ให้โยมเลือกเอา 1 รูป นายจอนและชาวบ้านตกลงเลือกพระทุ่ม เพราะเห็นว่าท่านเคร่งขรึมน่านับถือ เมื่อพระทุ่มมาประจำพรรษาแล้ว ท่านก็ได้ทำการแผ้วถางวัดกับชาวบ้านสร้างที่พักสงฆ์ขึ้น แล้วก็สร้างศาลาโรงธรรมกำมะลอเป็นที่พักสงฆ์ แล้วก็เริ่มจำพรรษาในปีนั้น และให้ชื่อว่า วัดควนสามโพธิ์ หรือ วัดศุภศาสตราราม พอถึงปี 2475 ท่านก็ได้เปิดโรงเรียนขึ้นในวัด ให้ลูกหลานชาวสามโพธิ์เรียนกันที่ศาลาโรงธรรม และในปี 2478 ก็เปิดเป็นโรงเรียนประชาบาล ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 ท่านก็ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูทุ่ม อุปทุมโม ในปี พ.ศ.2490 หลวงพ่อทุ่ม ได้หล่อพระพุทธรูปซึ่งเป็นประธานขึ้นจำนวน 3 องค์ด้วยกัน และเป็นครั้งแรกในภาคใต้ในเรื่องนี้พระอาจารย์ของหลวงพ่อทุ่ม ได้แนะนำให้ออกจากวัดไปให้ไกล อย่าให้ได้ยินเสียงโพน แต่ท่านตั้งใจว่าจะหล่อพระเองต้องอยู่ดูจนสำเร็จ จะไม่ไปไหน ซึ่งงานหล่อพระครั้งนั้นเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ไม่เคยมีงานใหญ่กว่านี้มาก่อนศรัทธาชาวบ้าน ตลอดจนถึงประชาชนที่ทราบข่าวต่างหลั่งไหลและขนเอาโลหะมาหล่อพระกันมากมายจนเหลือเฟือต้องเอาไปให้วัดชุมประดิษฐ์ วัดบรรพตพินิจ เขาชัยสน และวัดปากสระ ขณะที่ หลวงพ่อทุ่ม ยังดำรงขันธ์อยู่นั้น ท่านได้ให้ความสงเคราะห์แก่ชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยช่วยบำบัดทุกข์ในการดำเนินชีวิตให้ญาติโยม จนเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้านควนสามโพธิ์ และละแวกบ้านใกล้เคียง ชื่อเสียงของ”หลวงพ่อทุ่ม”จึงลือเลื่องขจรไกล เป็นที่นิยมนับถือของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการดูฤกษ์ผานาทีในการประกอบพิธีต่างๆ การปัดเป่ารังควานบ้านเรือน แม้กระทั่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ท่านมีตำรับตำราอันได้รับการถ่ายทอดมาโดยตรงจากสำนักเขาอ้ออาทิเช่น คาถาปัดพิษงู คาถาทำให้ผู้หญิงคลอดลูกง่าย คาถาต่อกระดูก เหล่านี้เป็นต้น ท่านทำให้โดยไม่คิดเงินแต่ประการใด หลวงพ่อทุ่มจึงเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวบ้านควนสามโพธิ์อย่างแท้จริง อิทธิปาฏิหาริย์ หลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม เคยได้แสดงอภินิหารให้บรรดาศิษย์ประจักษ์แก่สายตามาแล้วครั้งหนึ่ง ยังเล่าขานมาจนถึงปัจจุบันนี้ วันหนึ่งมีชาวบ้านมานิมนต์ท่านไปที่บ้านต้นโดนซึ่งตอนนั้นยังต้องเดินด้วยเท้าเปล่า ระหว่างทางได้บังเกิดฝนตกหนัก ท่านได้บอกกับพระลูกวัดที่ไปด้วยกันว่า “เดินมาใกล้ๆฉันซิจะได้ไม่เปียกฝน” พระลูกวัดต่างอัศจรรย์ใจไปตามๆกันเพราะเมื่อขยับเดินไปใกล้ท่าน ไม่ปรากฏว่าพระลูกวัดรูปใดเปียกฝนเลย เหรียญรูปเหมือนสยบกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิด เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ขณะที่ นายเสรี จันทร์หอม ลูกหลานชาวบ้านควนสามโพธิ์ ซึ่งเป็นลูกจ้างกรมชลประทาน เหตุเกิดที่ อ. กะพ้อ จ. ปัตตานี พร้อมด้วยเพื่อนอีกสามคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่แคมป์ ก็มีผู้ร้ายระดมยิงเข้ามา กระสุนนัดแรกถูกบริเวณท้ายทอยนาย เสรีอย่างจังเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ล้มลงและเสียชีวิต ส่วนนายเสรี รีบหนี แต่คนร้ายยังคงกระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดยั้ง กระสุน 3-4 นัดถูกด้านหลังของนายเสรี แต่ไม่ทะลุเนื้อ นายเสรีรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เพราะเขาห้อยคอด้วยเหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม เนื้อทองแดง รุ่นสร้างหอระฆัง เสื้อที่นายเสรีสวมใส่เป็นรูพรุนด้วยแรงกระสุน (พล.ต.ต. ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก. จว. ปน. ยืนยังต่อที่ประชุมประจำเดือนว่าเห็นเสื้อพรุนและรอยเนื้อยิงไม่เข้าด้วยตาตนเอง) เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 จ.ส.อ.กรีฑา ทองประศรี และเพื่อนทหารอีก 2 คน กำลังทำงานในโรงดองสัตว์น้ำภายในสะพานปลาปัตตานี ได้เกิดระเบิดขึ้นใกล้กับบริเวณดังกล่าวทำให้เพื่อนทั้ง 2 คน ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ส่วน จ.ส.อ. กรีฑา ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันได้รับแรงระเบิด เช่นเดียวกับเพื่อนแต่ไม่มีบาดแผลและปลอดภัย ทราบภายหลังว่า จ.ส.อ.กรีฑา ได้คล้องคอด้วยเหรียญ หลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม (จ.ส.อ.กรีฑา ฯ เล่าให้ฟังด้วยความอัศจรรย์ใจ) เมื่อเดือน มกราคม 2550 เหตุเกิดที่ อำเภอเมืองพัทลุง กรณี นายบุณรัตน์ สุวรรณรัตน์ ถูกคนร้ายยิงหลายนัดแต่ว่า ปืนไม่ลั่นแล้วคนร้ายก็วิ่งหนีไป นายบุณรัตน์ บอกว่ามี หลวงพ่อทุ่ม อุปทุมโม ห้อยคออยู่ขณะถูกยิง จึงทำให้รอดพ้นจากภยันตรายไปได้ นายบุณรัตน์สำนึกในปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทุ่ม จึงได้บวชเป็นภิกษุอยู่ที่วัดสามโพธิ์ จนถึงทุกวันนี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 ในขณะที่ พ.ต.อ. นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก. จ. ยะลา นั่งรถกระบะ โดยมี ส.ต.ต. บุณรัตน์ เกื้อช่วยเป็นพลขับ และ ด.ต. เกษม อาจหาญ นั่งคุ้มกันด้านหลังรถ กลับจากไปตรวจที่เกิดเหตุฆ่าตัดคอ นาย สถิต ทองอินทร์ ราษฎรอำเภอเมืองยะลา ได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้ท้ายรถเสียหายทั้งคัน พ.ต.อ. นราศักดิ์ เชียงสุข โดนกระแทกหลังคารถเล็กน้อยทุกคนปลอดภัย
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
สอบถามก่อนเช่าพระนะครับ
|
Tags |